สวัสดีคอหนังทุกท่านครับวันนี้ผมจะมาพูดถึงเรื่องของพฤติกรรมการดูหนังของคนไทยกันบ้างซึ่งผมเชื่อแน่นอนครับว่าข้อมูลบางข้อมูลที่ผมจะนำเสนอต่อไปนี้ต้องเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้กันอย่างแน่นอนเพราะเป็นเรื่องที่เรียกได้ว่าใกล้ตัวจนทำให้ลืมคิดไปเลยทีเดียว ถ้าพูดถึงพฤติกรรมการดูหนังของคนไทยแล้วต้องบอกว่าคนไทยนั้นใช้เงินหมดไปกับการดูหนังตามโรงภาพยนตร์ปีหนึ่งๆ ไม่น้อยเลยครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นคอหนังจริงๆ ก็มักจะแวะเวียนเข้าโรงหนังกันทุกสัปดาห์แถมสัปดาห์หนึ่งๆก็ไมได้ดูมันเรื่องเดียวแต่ดูกันมากมายหลายเรื่องดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่ผลวิจัยจะออกมาว่าคนไทยดูหนังในโรงมากติดอันดับ Top 3 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจากการที่มีพฤติกรรมเช่นนี้เองจึงทำให้ปีหนึ่งๆ โดยเฉลี่ยแล้วคนไทยหมดเงินไปกับการดูหนังไม่น้อยเลยครับ ในเรื่องของเงินที่หมดไปกับการดูหนังโรงนั้นผมมองว่าที่หมดไปมากไม่ใช่เพราะว่าดูหนังเยอะหรืออะไรหรอกครับหากแต่เป็นเพราะว่าค่าตั๋วของโรงหนังในบ้านเรานั้นมันมีราคาแพงมากต่างหากซึ่งหากเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้วของเราแพงกว่าเขาเป็นเท่าตัวครับดังนั้นหากเปรียบเทียบในเชิงของตัวเลขค่าใช้จ่ายแล้วทำให้ประเทศเราเหนือกว่าประเทศอื่นซึ่งก็รวมถึงค่าใช้จ่ายสำหรับของขบเคี้ยวที่ขายกันใน Concession หน้าโรงหนังพวกน้ำอัดลมหรือป็อปคอร์นด้วยครับที่มีสนนราคาแพงมากเกินความจำเป็นจึงทำให้เกิดตัวเลขค่าใช้จ่ายในการดูหนังต่อหัวของคนไทยที่สูงตามมา
นอกจากตัวอย่างหนังที่จะทำหน้าที่ในการโปรโมทหนังใหม่แล้ว ยังคงมีภาพโปสเตอร์หนังที่คอยทำหน้าที่ในการโปรโมทหนังใหม่เช่นเดียวกัน โดยภาพโปสเตอร์หนังส่วนใหญ่ หากเป็นหนังไทยจะมีภาพโปสเตอร์หนังแบบเด่น ๆ เพียงไม่กี่ภาพ หรืออาจจะเป็นการใช้ตัวละครหลัก ๆ แค่เพียงไม่กี่คน มาเป็นภาพหลักของโปสเตอร์หนังเรื่องนั้น ๆ แต่ถ้าหากเป็นการ์ตูนอนิเมชั่น มักจะมีการนำเสนอภาพตัวละครหลัก ๆ แต่ละตัวออกมาอย่างโดดเด่นและแตกต่างกันเลยทีเดียว ความสวยงามและความทันสมัยของโปสเตอร์หนังใหม่ อาจจะทำให้คอหนังที่กำลังรอลุ้นว่าจะมีหนังใหม่ ๆ เรื่องไหนบ้าง ที่ถูกตาและถูกใจของตนเอง หากไม่ได้ทำการติดตามรับชมตัวอย่างหนังเสียก่อน ก็อาจจะได้เห็นโปสเตอร์หนังตามห้างสรรพสินค้า หรือแม้กระทั่งสถานที่ต่าง ๆ และการได้พบเห็นโปสเตอร์ก็อาจจะทำให้คุณได้รู้จักกับหนังใหม่แค่เพียงเริ่มต้น และคุณจะได้ทำความรู้จักกับหนังใหม่เรื่องนั้นเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่คุณได้ติดตามรับชมตัวอย่างหนังแล้วนั่นเอง อีกหนึ่งส่วนของโปสเตอร์หนังที่จะทำให้คุณได้รับรู้และเข้าใจ นั่นก็คือ วันที่ถูกกำหนดให้หนังเรื่องนั้นได้เข้าฉายทุกโรงภาพยนตร์ ซึ่งโปสเตอร์เป็นสื่อโฆษณาที่คอยนัดหมายให้คอหนังได้รู้จักกับวันและเวลาที่หนังได้เข้าโรง และทำให้คอหนังได้ค้นพบหนังดี ๆ อีกหนึ่งเรื่องในเร็ววัน และนี่ก็คือจุดเด่นของโปสเตอร์หนังใหม่ ที่จะทำให้คุณได้รู้จักหนังใหม่ล่าสุด และเปรียบเสมือนเป็นใบเบิกทางแห่งการนัดหมาย ให้คุณได้ติดตามรับชมหนังใหม่เรื่องนั้น ๆ ต่อไป
วงการบันเทิงสมัยก่อนที่เขาเรียกกันว่า อาชีพเต้นกินรำกินนั้น มาใช้กับปัจจุบันไม่ได้แล้วละ เพราะวงการบันเทิงเดี๋ยวนี้เติบโตขึ้นมาก จึงได้กลายเป็นอาชีพที่ใฝ่ฝันของใครต่อหลายคน ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น จนถึงผู้ใหญ่ที่มีอายุแล้วก็มี ซึ่งจะเห็นดาราหน้าใหม่ๆตามข่าวบันเทิง ละครทีวีมากมาย วงการบันเทิงนั้นเป็นผู้ที่มีอำนาจในการครอบคลุมสื่อไว้อย่างครบครัน และ ข่าวบันเทิงเหล่านี้หละคือสิ่งที่ทำให้เราได้เห็นทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของวงการบันเทิงต่างๆมากมาย ทั้งเบื้องหน้าที่เราจะเห็นวงการบันเทิงเต็มไปด้วยดารา นักแสดงที่มีความสามารถ มีคุณสมบัติเพียบพร้อม ส่งผลให้ผู้บริโภคอย่างเราคล้อยตามและเห็นดีเห็นงามไปซะทุกอย่าง แต่ใช่ว่าข่าวบันเทิงจะสร้างข่าวอันดีงามอย่างเดียว เมื่อเจาะลึกลงไปนั้นวงการนี้ไม่ได้สวยงามอย่างที่เห็น เพราะสื่อนี่หละทำให้พวกดารา นักแสดง สร้างเรื่องมายาต่างๆออกมาให้ผู้บริโภคอย่างเราได้เชื่อกัน โดยเฉพาะเหล่าเยาวชน วัยรุ่น ที่ต่างก็ต้องการให้ตัวเองเป็นดารา นักแสดงกันทั้งนั้น หรือ ไม่ก็อยากจะใกล้ชิดดารา นักแสดงที่เราชอบด้วยการเป็นแฟนคลับนั่นเอง ไม่ว่ายังไงแล้วนั้น ต่อให้วงการบันเทิงจะมีเบื้องลึกหนาบางอย่างไร ก็ยังคงมีความงดงาม มีเอกลักษณ์ในตัวเองที่น่าค้นหา ซึ่งความสวยงามและความล้มเหลวที่เราได้เห็น และวิพากษ์วิจารณ์กันนั้นเกิดจากพวกดารา นักแสดง ที่ประพฤติตัวกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ปี วงการบันเทิง ก็คือ วงการมายา อยู่วันยังค่ำ แต่อย่างน้อย วงการบันเทิง ก็ถูกเปิดกว้างและไม่ได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นอาชีพเต้นกินรำกินอีกต่อไป
ครั้งนี้จะมาพูดถึงลักษณะของสื่อที่เราทั้งหลายติดตามเสพข่าวสารจากสื่อที่นำเสนอข่าวสารมากมายหลายรูปแบบให้เราได้เลือก ถ้าเราเข้าใจและมีความรู้ที่แจ่มแจ้งเกี่ยวกับสื่อนั้นๆ เราจะเป็นผู้เสพข่าวสารอย่างมีความสุขและได้ประโยชน์จากสื่อเหล่านั้นอย่างเต็มที่ เราแบ่งสื่อออกเป็น 4 กลุ่มดังนี้ สื่อระหว่างบุคคล เป็นสื่อที่มนุษย์ใช้สำหรับการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคลที่อยู่ห่างไกลกัน เป็นสื่อที่ใช้เฉพาะบุคคล มีลักษณะเป็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับผู้อื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสื่อสารในขณะนั้น ๆ เช่น โทรศัพท์ อีเมล์ ไลน์ เฟสบุค เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ ทำหน้าที่ช่วยให้การส่งสารระหว่างผู้ส่งถึงผู้รับที่อยู่ห่างไกลกัน สามารถสื่อถึงกันอย่างสะดวก สื่อมวลชน เราเรียกกลุ่มผู้ทำหน้าที่สื่อสารข่าวว่าสื่อมวลชน มี่หน้าที่ติดต่อกับผู้รับสารหรือผู้ชม เป็นจำนวนมากในเวลาเดียวกันได้ โดยทั่วไปแล้วสื่อมวลชน ได้แก่หนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ และปัจจุบันรวมถึงเวปไซด์สื่อออนไลน์ทั้งหลาย สื่อมวลชนนี้มีประโยชน์ในแง่ของการเผยแพร่ข่าวสารไปยังมวลชน ได้ ภายในเวลาอันรวดเร็ว สื่อเฉพาะกิจ คือสื่อซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้สำหรับแจ้งข่าวสารในหน่วยงาน กิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ จำนวนและกลุ่มผู้รับข่าวสารมีลักษณะที่แน่นอน เมื่อเทียบกับสื่อมวลชนแล้ว สื่อเฉพาะกิจ จะแคบกว่าในแง่ของการเข้าถึงผู้รับสาร เช่น นิตยสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ภายในหน่วยงานต่างๆนั่นเอง สื่อประสม ได้แก่ การนำสื่อทั้ง 3 ประเภท ข้างต้น ไปใช้ในการสื่อสารอันจะทำให้การสื่อสารในครั้งนั้น ๆ มีประสิทธิผลเพิ่มมากขึ้น หากเรามีการใช้โดยรู้จักข้อดีและข้อเสียของสื่อแต่ละชนิด เข้าใจ ถึงอิทธิพลของสื่อที่มีต่อพฤติกรรมการรับข่าวสาร มีการเลือกใช้สื่อให้เหมาะแก่วัตถุประสงค์ในการสื่อสารแล้ว Continue reading →
เพื่อให้กระแสเพลงใหม่ในยุคนี้ บอกได้ว่า มาไวไปไว แม้บางเพลงจะน่าจะมีกระแสละครช่วยก็ตาม หรือเปล่า มีมิวสิควิดิโองดงามๆ ดาราดังๆมาปรากฏก็ตาม คงเป็นเพราะเพลงใหม่ๆมีออกมาเรื่อยๆ บางวีคมีออกมาเกินกว่าสองเพลงด้วยซ้ำ ทำให้เพลงไม่ได้มีความน่าชอบใช่หรือไม่ติดตาม เพราะว่าเพลงใหม่ๆในปัจจุบันบางเพลงไม่เป็นที่ติดหูคนฟังเท่าไหร่นัก น่าจะเนื่องจากคุณภาพของเสียงร้องจากนักร้อง ซึ่งทุกวันนี้ก็ต้องยอมรับกันว่ามีไม่กี่คนที่เสียงดีเพราะคล้ายคลึงนักร้องรุ่นเก่าๆ ส่วนมากมายนักร้องรุ่นใหม่ๆ มุ่งที่น่าตารูปร่างๆ แค่ร้องเพลงเป็นบางคนได้ทำเพลงแล้ว ซึ่งช่วยให้คนที่สนใจฟังเพลงแบบที่คุณภาพเสียงดีเนื่องจากๆ มักไม่ความชื่นชอบเพลงใหม่ ส่วนวัยรุ่น หรือ คนที่ได้ยินเพลงทั่วไปก็ฮิตกันตามกรแสเท่านั้น หรือว่า สนใจที่ตัวนักร้องมากๆกว่าเสียงเพลง ช่วยให้เพลงใหม่ในยุคสมัยปัจจุบัน มาไวไปไว หากมีฐานแฟนคลับน้อย ความความชื่นชอบก็จะจะน้อยตามไปด้วย เพราะว่านักร้องสมัยนี้อยู่ได้เพราะแฟนคลับด้วยส่วนหนึ่งที่รอตามอุดหนุนผลงาน ตามไปคงที่ต่างๆนาๆเพื่อที่จะชมการปรากฏสด หรือว่า ติดตามผลงานด้านอื่นๆ พร้อมกับยิ่งหากมีข่าวไม่ดี พร้อมกับ ร้องไม่เพราะอีกด้วยแล้ว การันตีได้ว่าต่อให้ออกเพลงใหม่มากมายขนาดไหนก็ไม่มีคนติดตาม พร้อมทั้ง โลกยุคนี้อินเตอร์เน็ตสามารถเข้าถึงได้ทุกที จนกระทั่งการตามข่าวทั้งตัวนักร้อง ทั้งเพลงใหม่จึงมีมาพร้อมๆกัน พร้อมกับ ถ้าไม่ชอบใจ ไม่สนับสนุน ก็มีการส่งต่อเรื่องต่างๆนาๆกันแบบลูกโซ่ส่งผลให้คนที่ไม่สนใจก็แบนผลงานนักร้องไปเช่นกันเป็นต้น